ในพุทธวจนะ มีการอธิบายถึง “จิต” “มโน” และ “วิญญาณ” ในแง่ของกระบวนการรับรู้และการเกิดขึ้นของความรู้สึกและการรับรู้อย่างละเอียด
โดยทั้งสามคำนี้มีความสัมพันธ์กันในกระบวนการของจิตใจและการรับรู้ของมนุษย์ โดยแต่ละคำมีความหมายและหน้าที่ที่ต่างกันไปบ้าง ดังนี้:
1. จิต (Citta)
จิต หมายถึง สภาพการรับรู้หรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะหนึ่ง ๆ ตามพุทธวจนะ จิตเป็นสภาวะที่สามารถแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ไม่คงที่ และมีลักษณะคือเกิดขึ้นและดับไปในทุกขณะ เป็นสิ่งที่ถูกกระทบโดยอารมณ์และสิ่งต่างๆ จิตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการฝึกฝนและพัฒนา ซึ่งในการปฏิบัติธรรม พุทธเจ้าทรงสอนให้พยายามพัฒนาและฝึกฝนจิตให้เกิดความสงบและปล่อยวาง
ใน ธัมมปท พระพุทธเจ้าตรัสถึงความสำคัญของการฝึกฝนจิตว่า:
> “จิตนี้แล เป็นสิ่งที่เร่าร้อน สั่นไหว ปรุงแต่งง่าย แต่หากใครรู้จักฝึกฝน ควบคุมจิตนี้ได้ จิตนั้นย่อมสามารถนำมาซึ่งสุขได้อย่างแท้จริง” การฝึกจิตให้สงบ เป็นการควบคุมความคิดและความรู้สึกให้รู้จักสภาวะของการปล่อยวาง ไม่ให้ยึดติดอยู่กับสิ่งใด
2. มโน (Mano)
มโน หมายถึง “ใจ” หรือ "เครื่องปรุงแต่ง" เป็นฐานของความคิด การวิเคราะห์ และการแยกแยะ มโนทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการจัดการข้อมูลและอารมณ์ที่เข้ามาปรุงแต่งให้เป็นความคิดหรือการตัดสินใจ พระพุทธเจ้าตรัสว่า มโนมีบทบาทในการปรุงแต่งอารมณ์และสรรพสิ่งต่างๆ ให้เกิดการยึดติดหรือการสร้างกรรม เช่น การมองเห็นสิ่งใดแล้วมีความชอบหรือชังขึ้นในใจ จนเกิดการกระทำและผลของการกระทำนั้น
ใน มชฺฌิมนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสถึงบทบาทของมโนว่า:
> “มโนเป็นสภาพที่ปรุงแต่ง ยึดถืออารมณ์ จึงเกิดเป็นการกระทำ (กรรม) และส่งผล (วิบาก) ให้ผู้กระทำตามอารมณ์ที่ยึดถือ” ดังนั้น การตระหนักถึงบทบาทของมโน จึงมีความสำคัญในการลดการยึดติดและหลุดพ้นจากความทุกข์
3. วิญญาณ (Viññāṇa)
วิญญาณ คือ “การรับรู้” หรือ “ความรู้สึกตัว” ซึ่งหมายถึงการรับรู้หรือสำนึกในสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบทางอายตนะทั้ง 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) พระพุทธเจ้าอธิบายว่า วิญญาณเกิดขึ้นจากการสัมผัสของอายตนะภายนอกกับอายตนะภายใน ตัวอย่างเช่น เมื่อดวงตามองเห็นรูป วิญญาณทางตาจึงเกิดขึ้น หรือเมื่อหูได้ยินเสียง วิญญาณทางหูก็เกิดขึ้น วิญญาณจึงเป็นผลของการกระทบอายตนะทั้งหลาย
ใน สังยุตตนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสว่า:
> “เมื่อมีอายตนะภายใน (อินทรีย์) และมีอารมณ์ภายนอก (รูป เสียง กลิ่น ฯลฯ) วิญญาณย่อมเกิดขึ้น ณ ที่นั้น และเมื่อไม่มีอายตนะและอารมณ์นั้น วิญญาณย่อมดับไป”
ดังนั้น จิต มโน และวิญญาณจึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางจิตใจที่มีความสัมพันธ์กันในการรับรู้ ปรุงแต่ง และการยึดติด ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่ความทุกข์ได้ หากไม่ได้รับการฝึกฝนและควบคุมอย่างถูกต้อง