Posts

Showing posts with the label กรรม

อวิชชาปัจจยาสังขารา เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร

Image
อวิชชา: ปัจจัยที่เป็นเหตุให้เกิดสังขารและการปรุงแต่งจิต อวิชชาเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มนุษย์ยึดมั่นในความเชื่อผิด ๆ และปรุงแต่งการกระทำ ซึ่งวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏไม่รู้จบ อวิชชา: ทำไมความไม่รู้จึงนำไปสู่สังขาร? อวิชชาในพุทธศาสนาหมายถึง "ความไม่รู้" หรือการขาดปัญญาที่เข้าใจความจริงของธรรมชาติ ความจริงนั้นคือการเข้าใจอนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความเป็นทุกข์) และอนัตตา (การไม่มีตัวตน) อวิชชานี้จึงนำไปสู่การปรุงแต่งหรือสังขาร ซึ่งเป็นการกระทำ ความคิด หรือคำพูดที่เกิดขึ้นจากการขาดความเข้าใจในธรรมชาติ เพราะอวิชชาเป็นความไม่รู้ที่มองโลกตามทิศทางของกิเลส เช่น ความโลภ โกรธ หลง มนุษย์จึงมักปรุงแต่งจิตและกระทำในสิ่งที่นำไปสู่ความทุกข์ ตัวอย่างเช่น ความไม่รู้ทำให้เรายึดมั่นในความสุขชั่วคราว คิดว่ามันจะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน เมื่อความสุขนั้นจางหายไป เราจึงตกอยู่ในความทุกข์ สังขารเหล่านี้เกิดจากความพยายามในการเติมเต็มความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุด และวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร การทำลายอวิชชาโดยปัญญาคือการที่เราสามารถตระหนักรู้และเข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริง

อวิชชาปัจจยาสังขารา เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร

Image
อวิชชา: ปัจจัยที่เป็นเหตุให้เกิดสังขารและการปรุงแต่งจิต อวิชชาเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มนุษย์ยึดมั่นในความเชื่อผิด ๆ และปรุงแต่งการกระทำ ซึ่งวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏไม่รู้จบ อวิชชา: ทำไมความไม่รู้จึงนำไปสู่สังขาร? อวิชชาในพุทธศาสนาหมายถึง "ความไม่รู้" หรือการขาดปัญญาที่เข้าใจความจริงของธรรมชาติ ความจริงนั้นคือการเข้าใจอนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความเป็นทุกข์) และอนัตตา (การไม่มีตัวตน) อวิชชานี้จึงนำไปสู่การปรุงแต่งหรือสังขาร ซึ่งเป็นการกระทำ ความคิด หรือคำพูดที่เกิดขึ้นจากการขาดความเข้าใจในธรรมชาติ เพราะอวิชชาเป็นความไม่รู้ที่มองโลกตามทิศทางของกิเลส เช่น ความโลภ โกรธ หลง มนุษย์จึงมักปรุงแต่งจิตและกระทำในสิ่งที่นำไปสู่ความทุกข์ ตัวอย่างเช่น ความไม่รู้ทำให้เรายึดมั่นในความสุขชั่วคราว คิดว่ามันจะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน เมื่อความสุขนั้นจางหายไป เราจึงตกอยู่ในความทุกข์ สังขารเหล่านี้เกิดจากความพยายามในการเติมเต็มความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุด และวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร การทำลายอวิชชาโดยปัญญาคือการที่เราสามารถตระหนักรู้และเข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริง

ความหมายของภพและการเกิดใหม่ในพระพุทธศาสนา: ภพ, ตัณหา, กรรม และวิญญาณ-The Meaning of Existence and Rebirth in Buddhism:

Image
   ๑. ภพเป็นอย่างไร ในพระพุทธศาสนา "ภพ" หมายถึง การมีอยู่ของรูปหรือสภาพความเป็นตัวตนในสามภพ ซึ่งแบ่งเป็น 3 อย่าง ได้แก่: 1. กามภพ - ภพที่เกิดขึ้นในภพที่ยังมีความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งสัมผัส 2. รูปภพ - ภพของผู้ที่เกิดในสภาวะที่มีรูป แต่ปราศจากความยินดีในกาม 3. อรูปภพ - ภพที่เกิดขึ้นในสภาวะที่ไม่มีรูป มีเพียงจิตล้วนๆ  ใน มัชฌิมนิกาย มหาตัณหาสังขยสูตร พระพุทธเจ้าตรัสถึงภพว่า ภพคือการเกิดของอัตตาและสรรพสิ่งที่สืบต่อในรูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร, และวิญญาณ นี่คือภพที่ก่อให้เกิดการเกิดใหม่ในวัฏฏะ.  ๒. ความมีขึ้นแห่งภพ (นัยที่ ๑) การมีขึ้นของภพเกิดจาก ตัณหา (ความอยาก) ที่เป็นสาเหตุสำคัญ ซึ่งเป็นต้นเหตุของความมีภพใหม่ ตัณหาแบ่งเป็น 3 อย่าง: 1. กามตัณหา - ความอยากในกาม 2. ภวตัณหา - ความอยากในความเป็นและการมีอยู่ 3. วิภวตัณหา - ความอยากไม่ให้มีหรือไม่เป็น  ใน สังยุตตนิกาย นิทานสังยุตต์ (SN 12.2), พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เพราะตัณหาจึงมีภพ" ซึ่งหมายความว่า ตัณหาทำให้เกิดความติดในชีวิต และนำไปสู่การเวียนว่ายในวัฏฏะสงสาร.  ๓. ความมีขึ้นแห่งภพ (นัยที่ ๒) ในอีกนัยหนึ่ง ความมี